0
0
ป่าแอมะซอนในประเทศบราซิลถือเป็นป่าที่มีความสำคัญต่อโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อัตราการตัดไม้ทำลายป่าแอมะซอนเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์โดยเฉพาะช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่จาอีร์ บอลโซนาโร อดีตประธานาธิบดีบราซิลดำรงตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี หลังจาก “ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดาซิลวา” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลพร้อมด้วยนโยบายลดการตัดไม้ทำลายป่า เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดมีรายงานว่าอัตราการทำลายป่าแอมะซอนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
อุณหภูมิเฉลี่ยโลกร้อนทะลุสถิติ 2 วันติด และจะทำลายสถิติไปเรื่อย ๆ
คลังข้าวของโลกกำลังพังทลายเพราะโลกร้อน ซ้ำเติมวิกฤตอาหารโลก
โดยเมื่อวานนี้ มารินา ซิลวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมบราซิล ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อัตราการตัดไม้ทำลายป่าในป่าแอมะซอนลดลงถึงร้อยละ 33 เป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลวางไว้
ด้านเบนโต เมสกีตา ผู้อำนวยการด้านนโยบายป่าและนโยบายสาธารณะประจำบีวีริโอ องค์การไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนกล่าวเสริมว่า อัตราการตัดไม้ทำลายป่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับอัตราการตัดไม้ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022
สอดคล้องกับข้อมูลจากอินเป (Inpe) หน่วยงานวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล ที่ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 พื้นที่สีเขียวที่หายไปคิดเป็นขนาดราว 2,649 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2019
การลดลงของอัตราการตัดไม้ทำลายป่าในบราซิล เป็นผลมาจากนโยบายของ ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิลคนปัจจุบัน ผู้นำบราซิลรายนี้ย้ำหนักแน่นชัดเจนตั้งแต่ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้วว่า การลดการตัดไม้ทำลายป่าแอมะซอน เป็นหนึ่งในนโยบายที่เขาจะทำให้สำเร็จ หากได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย
หลังจากลูลา ดาซิลวา ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง และเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา เขาได้แต่งตั้ง มารินา ซิลวา อดีตนักเคลื่อนไหวเพื่อป่าแอมะซอนขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม เพื่อรับผิดชอบการพิทักษ์ผืนป่าแอมะซอน ผลงานด้านการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าของมารินา ซิลวาเป็นที่ประจักษ์โดยเฉพาะในช่วงปี 2003-2010 กระทรวงสิ่งแวดล้อมภายใต้การนำของเธอ สามารถลดอัตราการตัดไม้ทำลายป่าจาก 27,000 ตารางกิโลเมตรในปี 2004 ให้เหลือเพียง 7,000 ตารางกิโลเมตรในปี 2010
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีลูลายังได้ลงนามในคำสั่งบริหารวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา อนุมัติเงินมูลค่ากว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 41,000 ล้านบาท ให้กับกองทุนเพื่อการปกป้องป่าแอมะซอน เพื่อจ้างเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมและนักวิจัย หลังจากโดนตัดลดงบประมาณไปในสมัยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบอลโซนาโร
ความพยายามปกป้องผืนป่าอย่างแข็งขันตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีลูลาทำให้สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมดีขึ้น เช่น ข้อมูลของเดือนเมษายนที่ผ่านมา อัตราการตัดไม้ทำลายป่าลดลงร้อยละ 68 เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันของปี 2022 ต่อมาในวันที่ 5 มิถุนายน นโยบายเกี่ยวกับป่าแอมะซอนถูกทำให้ชัดเจนอีกครั้ง
ประธานาธิบดีลูลา ได้เผยปฏิบัติการเพื่อป้องกันและควบคุมการตัดไม้ทำลายป่าในป่าแอมะซอน ซึ่งเป็นมาตรการล่าสุดในนโยบายเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปฏิบัติการดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลประสานงานกับกระทรวงต่างๆ กว่า 10 กระทรวง รวมถึงใช้วิธีการที่ทันสมัย เพื่อบันทึกข้อมูลและตามรอยการลักลอบตัดไม้ เช่น
การใช้ภาพถ่ายทางดาวเทียมเพื่อช่วยระบุการตัดไม้ การทำปศุสัตว์ และการทำเหมืองแบบผิดกฎหมายในพื้นที่ป่าแอมะซอน หรีอการใช้ฐานข้อมูลของรัฐบาลที่มีข้อมูลข่าวกรองทางการเงินเพื่อติดตามการทำธุรกรรมทางการเงินจากการดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตในป่าแอมะซอน
นอกจากนี้ ผู้นำบราซิลยังได้ประกาศแผนระยะยาวไว้ว่าจะยกเลิกการตัดไม้ทำลายป่าแอมะซอนทั้งหมดให้ได้ภายในปี 2030 หรือสิ้นทศวรรษนี้ แผนลด ละ เลิก การตัดไม้ทำลายป่าแอมะซอนของประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา กลายเป็นนโยบายหลักและมีขึ้นหลังจากป่าแอมะซอนถูกทำลายหนักในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในสมัยรัฐบาลก่อนหน้าของประธานาธิบดีบอลโซนาโรคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 ประธานาธิบดีบอลโซนาโรจากพรรคการเมืองฝ่ายขวาของบราซิลเข้ามาดำรงตำแหน่ง เขาได้ออกนโยบายลดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ป่าแอมะซอน ภายใต้ข้ออ้างว่ารัฐบาลควรใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าเพื่อสร้างรายได้ ลดความยากจนที่ประชาชนในประเทศกำลังเผชิญอยู่ ในระหว่างดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีบอลโซนาโรได้ตัดลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมของบางองค์กรลงมากถึงร้อยละ 25 หรือลดเงินทุนสำหรับการป้องกันและควบคุมไฟป่าลดลงร้อยละ 23
ขณะเดียวกัน อดีตผู้นำบราซิลรายนี้ยังได้ออกคำสั่งบริหารที่คุกคามการถือครองที่ดินของบรรดาชนพื้นเมือง ด้วยการให้กระทรวงเกษตรรับผิดชอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินของชาวพื้นเมือง และหันไปสนับสนุนการทำฟาร์มปศุสัตว์ รวมถึงเหมืองแร่บนพื้นที่ป่ามากขึ้น
ผลจากนโยบายดังกล่าว ทำให้มีเหมืองผิดกฎหมายผุดขึ้นและกระจายอยู่ในป่าแอมะซอนมากกว่า 300 แห่ง และคาดว่ายังมีอีกหลายแห่งที่รัฐบาลยังตรวจไม่พบ นโยบายยังทำให้อัตราการตัดไม้ทำลายป่าพุ่งสูงขึ้นในรอบเกือบ 20 ปี โดยในปี 2019-2020 อัตราการตัดไม้ทำลายป่าของป่าแอมะซอนอยู่ที่ประมาณ 10,000 ตารางกิโลเมตร ขณะที่ปี 2021-2022 อยู่ที่ 13,000 ตารางกิโลเมตร และ 10,000 ตารางกิโลเมตรตามลำดับ
การตัดไม้ในป่าแอมะซอนที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบอลโซนาโร ได้ส่งผลอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศของป่าแอมะซอน เพราะบริเวณที่ถูกทำลายกว่าครึ่งเป็นป่าปฐมภูมิหรือผืนป่าดั้งเดิมที่มีความหลากหลายทางชีวิตภาพสูง
นอกจากนี้ อีกสาเหตุหนึ่งที่ประธานาธิบดีลูลา ดาซิลวาชูนโยบายพิทักษ์ผืนป่า เป็นเพราะป่าฝนแห่งนี้มีบทบาทสำคัญต่อทุกชีวิตบนโลกในการสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก โดยแอมะซอนเป็นป่าดิบชื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลถึง 6,700,000 ล้านตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 9 ประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของผืนป่าแห่งนี้ราวร้อยละ 60 อยู่ในประเทศบราซิล
ผืนป่าแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่รักษาความหลากหลายทางชีวภาพจนได้ชื่อว่าเป็น “พื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก” มีพืชกว่า 40,000 สายพันธ์ุ ปลาต่างๆ อย่างน้อย 4,000 สายพันธุ์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 430 สายพันธุ์ รวมถึงแมลงอีกกว่า 2.5 ล้านสายพันธุ์
ขณะเดียวกัน ป่าแอมะซอนก็ยังเป็นผืนป่ามีบทบาทสำคัญที่สุดในการสร้างสมดุลสภาพภูมิอากาศของโลกด้วย เนื่องจากป่าแอมะซอน คือ บริเวณที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยสามารถดูดซับไว้ในผืนดินและในต้นไม้ได้มากถึง 150,000 ล้านเมตริกตันต่อปี นอกจากนี้ ป่าแอมะซอนยังถือเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนกว่าร้อยละ 20 ของออกซิเจนทั้งหมดที่มีอยู่บนโลก
การออกมาประกาศเช่นนี้ของหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมบราซิล จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นนิมิตหมายและข่าวดีในการฟื้นฟูผืนป่า ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ปอดของโลก” เพื่อให้ผืนป่าแห่งนี้สามารถสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นได้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
